วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา





            สวัสดีค่ะ ทุกๆคน กลับมาพบกันเช่นเคยกับสาระดีๆนะคะ วันนี้มีแหล่งเรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจมาแนะนำให้กับเพื่อนๆค่ะ นั่นก็คือ “พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา” ซึ่งแหล่งการเรียนรู้แห่งนี้ได้รวบรวมความรู้ทางด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี เพื่อเป็นการกระตุ้นส่งเสริมให้ประชาชนเห็นคุณค่าของทรัพยากรธรณี อันจะนำมาสู่การช่วยกันอนุรักษ์ต่อไป ยิ่งถ้าเพื่อนๆคนใดชอบวิชาธรณีเป็นพิเศษล่ะก็รับรองต้องไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ
            สำหรับการเดินทางไป“พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา” มีหลายเส้นทางโดยการเดินทางโดยรถประจำทาง สามารถไปสาย 8,44,67,92,97,ปอ.44,ปอ.157,ปอ.509,ปอ.538 ส่วนสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด คือ สถานีรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และพญาไท โดยพิพิธภัณฑ์ธรณีนี้จะตั้งอยู่ที่กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 75/10 ถ.พระรามที่6 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 
                     วิวัฒนาการแผ่นเปลือกโลกแต่ละยุคสมัยส่วนแสดงแร่ พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาผลิตภัณฑ์จากแร่ พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา
                                             โซนที่ 2                                                     โซนที่ 3                                                         โซนที่ 4
ส่วนแสดงแร่ พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาส่วนแสดงฟอสซิล พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาส่วนแสดงแร่ พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยาเครื่องจำลองการเกิดสึนามิ พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา
                           โซนที่ 5                                       โซนที่ 6                                            โซนที่ 7                                                      โซนที่ 8
            โดยภายในพิพิทธภัณฑ์แห่งนี้จะแบ่งเป็น 8 โซนใหญ่ๆ ได้แก่
  • โซนที่ 1 เป็นมุมประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะบอกเล่าความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
  • โซนที่ 2 เป็นโซนธรณีประวัติ ซึ่งผู้เยี่ยมชมจะสามารถศึกษาความรู้เรื่องการกำเนิดโลก รวมทั้งการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกด้วย
  • โซนที่ 3 เป็นโซนทรัพยากรแร่ ผู้เยี่ยมชมจะได้รู้จักกับแร่หลากหลายชนิด ที่มีคุณสมบัติต่างๆกันอีกทั้งยังมีอุโมงค์จำลองการขุดเจาะแร่ให้ได้ชมกันอีกด้วย
  • โซนที่ 4 เป็นโซนหินและน้ำบาดาล ผู้เยี่ยมชมจะได้รู้จักกับวัฏจักรของหิน และของน้ำที่จำลองเป็นแผนผังที่สามารถเข้าใจได้ง่าย
  • โซนที่ 5 เป็นโซนเชื้อเพลิงธรรมชาติ  ผู้เยี่ยมชมจะได้รู้จักกับถ่านหิน น้ำมัน ปิโตรเลียม และกระบวนการผลิตมากมาย
  • โซนที่ 6 เป็นโซนวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ผู้เยี่ยมชมจะได้ศึกษาและได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับตารางอายุทางธรณีวิทยา และข้อมูลการค้นพบซากดึกดำบรรพ์และไดโนเสาร์ที่พบในประเทศไทย
  • โซนที่ 7 เป็นโซนธรณีวิทยาประเทศไทย ผู้เยี่ยมชมจะได้ทำความเข้าใจแผนที่ทางธรณีวิทยาของประเทศไทย พร้อมข้อมูลแหล่งศึกษาทางธรณีวิทยาของประเทศไทย
  • โซนที่  8 เป็นโซนธรณีวิทยาประยุกต์ ผู้เยี่ยมชมจะได้เข้าใจว่าการศึกษาทางธรณีวิทยาต่างๆนั้นสามรถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร อีกทั้งยังมีเกร็ดความรู้เรื่องภัยพิบัติต่างๆมาให้ศึกษาอีกด้วย

            เป็นยังไงบ้างคะ น่าสนใจใช่ไหมล่ะ ซึ่งถ้ามีโอกาสล่ะก็อยากให้เพื่อนๆไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ดู  เพราะจะได้เต็มอิ่มกับความรู้ทางธรณีวิทยาตั้งแต่ยุคกำเนิดโลก จนถึงเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการขุดเจาะทำเหมืองแร่หรือเทคโนโลยีการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆมากมายอีกทั้งยังสอดแทรกความรู้ในเรื่องของการอนุรักษ์ให้ได้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกไปในตัวด้วยค่ะ
            นอกจากนี้สถานที่แห่งนี้ยังสามารถนำไปจัดการเรียนรู้บูรณาการกับวิชาวิทยาศาสตร์ได้อย่างหลากหลาย ได้แก่ วิชาธรณีวิทยา (หิน ดิน แร่ สัตว์ยุคดึกดำบรรพ์) วิชาโลกศาสตร์ (กำเนิดโลก)  วิชาสิ่งแวดล้อม (ภัยพิบัติ พลังงาน)  วิชาชีววิทยา (วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต) ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เพราะฉะนั้นถ้าคุณครู อนาคตคุณครูอ่านอยู่ล่ะก็ อย่าลืมพานักเรียนไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมนะคะ
            ตัวของข้าพเจ้าเอง ได้เคยไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยามาแล้วครั้งหนึ่งรู้สึกประทับใจมากเพราะตัวเองชอบในวิชาธรณีวิทยา และทำให้มีความเข้าใจในวิชานี้มากยิ่งขึ้น จึงอยากบอกต่อสำหรับผู้ที่สนใจลองมาค้นคว้าความรู้วิทยาศาสตร์ที่นี่ดูนะคะ รับบรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ  


 

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เทคโนโลยีการค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงปัญญานอกโลก

      สวัสดีค่ะ ทุกๆคน กลับมาพบกันอีกแล้ว พร้อมสาระดีดีอีกเช่นเคยนะคะ สำหรับวันนี้มีเรื่องราวของการพัฒนาเทคโลยีสุดล้ำที่เรียกได้ว่าหลุดโลกเลยก็ว่าได้มาฝากทุกๆคนด้วยล่ะค่ะ นั่นก็คือ เทคโนโลยีการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกนั่นเอง!!!!! จะหลุดโลกยังไงต้องดูกัน



      ถ้ามองย้อนไปในอดีต ทุกๆคนคงรู้ดีนะคะว่ามนุษย์นั้นมีความกระหายอยากรู้ ในเรื่อง"ความลับของจักรวาลมาเนิ่นนานแล้ว หลายๆคนอาจตั้งคำถามว่า"มีเพียงโลกเราใบเดียวเท่านั้นหรือที่มีสิ่งมีชีวิต" ซึ่งปัจจุบันปริศนานี้ก็ยังรอคำตอบอยู่ ยังคงเป็นเพียงการคาดเดาหรือจินตนาการของใครๆหลายคน แต่ความกระหายอยากรู้ของมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหยุดได้ง่าย ทำให้หลายทศวรรษที่ผ่านมาเกิดการพัฒนาเทคโนโลยี และนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษาเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างดาว ไม่ว่าจะเป็นการผลิตกล้องดูดาวที่มีประสิทธิภาพสูง การส่งยานอวกาศไปสำรวจดาวเคราะห์เพื่อนบ้าน การแกะหาร่องรอยสิ่งมีชีวิตนอกโลกจากเศษหินอุกกาบาต แต่ทั้งหมดนี้ก็ดูเหมือนยังไม่เพียงพอ ต่อการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกได้ ทำให้ไม่นานมานี้มีการรวมตัวของหลายๆประเทศก่อตั้งโครงการโครงการหนึ่งขึ้นที่ทำให้หลายๆคนถึงกับช๊อค!!! นั่นก็คือ "โครงการเซติ(SETI)" เป็นคำที่ย่อมาจาก “Search for Extraterrestrial Intelligence” หรือ “การค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงปัญญานอกโลก” ซึ่งโดยทั่วไปมักจะเรียกกันว่า “การค้นหาสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาว” นั่นเองค่ะ โครงการนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการส่งและรับคลื่นสัญญาณที่มีความถี่ที่สูงมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อค้นหาสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือพูดง่ายๆคือดักจับสัญญาณสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาวนั่นเอง และยิ่งไปกว่านั้นตัวแทนของโครงการเซติยังออกมากล่าวอีกว่า "มวลมนุษยชาติจะสามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวแน่ๆ ถ้ามันมีอยู่จริง ภายใน 25 ปี นี้" ช่างเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริงๆใช่ไหมล่ะคะ คราวนี้เราลองไปเจาะลึกแต่ละโครงการย่อยของเซติกันดีกว่าว่ามีเทคโนโลยีอะไรน่าสนใจบ้าง
      โครงการย่อยที่น่าสนใจของเซติประกอบไปด้วย 3 โครงการ คือ (1) โครงการฟีนิกซ์ (Project Phoenix)
 (2) ระบบกล้องโทรทรรศน์อัลเลน (Allen Telescope Array) และ (3) เซติแสง (Optical SETI)

(1) โครงการฟีนิกซ์ เป็นโครงการค้นหาสัญญาณสิ่งมีชีวิตทรงปัญญานอกโลกที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันและขึ้นชื่อด้านความเร็ว โดยอาศัยกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่ที่สุดของโลก คือที่หอดูดาวอะรีซิโบ (Arecibo) ในเปอร์โตริโก (Puerto Rico) และกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่ของโลกที่อื่นๆ อีกทั้งในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้

(2) ระบบกล้องโทรทรรศน์อัลเลน เป็นโครงการใหม่ของสถาบันเซติกับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่เบิร์กลีย์ ซึ่งร่วมกันจัดสร้างระบบกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่ ประกอบด้วยจานรับสัญญาณวิทยุขนาด ๖.๑ เมตร จำนวนประมาณ ๓๕๐ จาน เพื่อใช้สำหรับงานการค้นหาสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาวและงานการวิจัยดาราศาสตร์ระดับแนวหน้า (ระดับที่ยังไม่เคยทำกันได้มาก่อน) ตำแหน่งที่ตั้งของระบบกล้องโทรทรรศน์อัลเลน คือ หอดูดาวแฮตครีก (Hat Creek Observatory) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเขาแลสเซน (Mt. Lassen) ในแคลิฟอร์เนีย เมื่อระบบกล้องโทรทรรศน์อัลเลนทำงานเต็มที่ มันจะช่วยให้โครงการฟีนิกซ์สามารถศึกษาสัญญาณจากดาวฤกษ์เพิ่มขึ้นเป็น ๑ แสน หรือ ๑ ล้านดวง และรับสัญญาณจากนอกโลกได้เต็มที่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
(3) เซติแสง เป็นโครงการค้นหาสัญญาณจากต่างดาวที่เป็นคลื่นแสง ซึ่งนับเป็นความคิดค่อนข้างใหม่สำหรับเรื่องการค้นหาสัญญาณจากต่างดาว เพราะแต่เดิมมา สัญญาณจากต่างดาวที่ค้นหากันล้วนเป็นสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงที่ไม่ใช่แสงสว่าง เนื่องจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เป็นแสงสว่างจะเดินทางไปได้ไม่ไกลเท่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจำพวกคลื่นวิทยุหรือไมโครเวฟ เพราะแสงสว่างจะถูกปิดกั้นหรือดูดกลืนได้ง่ายโดยก๊าซและฝุ่นผงที่ห่อหุ้มดวงดาวที่มีบรรยากาศไว้ และที่มีอยู่ในอวกาศ ทว่า จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในการตรวจจับสัญญาณจากอวกาศ และจากแนวคิดที่ว่ามนุษย์ต่างดาวอาจส่งสัญญาณสู่อวกาศในรูปของคลื่นแสงก็ได้ โครงการเซติแสงจึงเกิดขึ้น และถึงขณะนี้โครงการเซติแสงของสถาบันเซติซึ่งกำลังเดินหน้าอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย


                                                   

      ที่ยกมาฝากวันนี้ ยังเป็นแค่น้ำจิ้มนะคะยังมีเทคโนโลยีที่สุดทันสมัยมากมายที่ถูกนำมาใช้ในการศึกษาสิ่งมีชีวิตนอกโลก และเทคโนโลยีก็ยังมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้มนุษย์ค้นหาคำตอบในสิ่งที่อยากรู้ จะเห็นว่าเทคโนโลยีในสมัยนี้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก และยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เรายังไม่รู้หรือตามไม่ทันเพราะฉะนั้นเราควรที่จะค้นคว้าหาความรู้เรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆใส่ตัวอยู่ตลอดเวลานะคะ

ที่มา:http://www.thaicosmic.com/article.php?id=40125&lang=th
        http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2011&date=14&group=66&gblog=222

วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ชาว Facebook ระวังโปรไฟล์ปลอมปล่อยมัลแวร์!!

http://www.oknation.net/blog/rinrudee/2010/08/30/entry-1



      สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคน ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ วันนี้อยากให้เพื่อนๆลองมาเปิดใจรับฟังข่าวภัยใกล้ตัวเกี่ยวกับ Facebook กันหน่อย ซึ่งเชื่อได้เลยว่าเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านบล๊อกนี้ไม่ต่ำกว่า 90% มี Facebook เป็นของตัวเอง แต่เพื่อนๆ
รู้ไหมว่า นอกจากการใช้ Facebook เพื่อพูดคุยกับเพื่อนที่รู้จัก เพื่อเล่นเกมส์ หรือเพื่อทำธุรกิจค้าขายทั่วๆไปแล้ว ยังมี
กลุ่มคนในสังคมมืดที่ใช้ Facebook เพื่อสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นมากมาย ถ้าหากเพื่อนๆไม่อยากตกเป็นเหยื่อ
ของกลุ่มคนเหล่านี้ล่ะก็ ต้องรู้ข่าวพวกนี้ไว้บ้างนะคะ ซึ่งแน่นอนว่าวันนี้เราได้ยกตัวอย่างข่าว มาให้เพื่อนๆได้ลองพินิจ
พิจารณาเพื่อเป็นการช่วยกันระวังภัยให้กับตนเองนะคะ
   มาดูข่าววันนี้กันดีกว่า "ชาวเฟซบุ๊คระวังโปรไฟล์ปลอมปล่อยมัลแวร์" ซึ่งข่าวนี้มีการรายงานว่า มีผู้ประสงค์ร้ายใช้
เฟซบุ๊คปลอมโปรไฟล์ โดยใช้รูปของหญิงสาวสวยผมบลอนด์ มาส่งคำร้องขอเป็นเพื่อน ซึ่งหากเราตกเป็นเหยื่อกดยอมรับ
คำขอเป็นเพื่อน ผู้ประสงค์ร้ายนี้ก็จะใช้ความสัมพันธุ์เป็นสะพานเชื่อมในการส่งข้อความ รูปและไฟล์รูปแบบอื่นๆ ที่บรรจุมัลแวร์ซึ่งออกแบบมาให้ขโมยรหัสผ่าน และข้อมูลต่างๆ ซึ่งอาจรวมถึงบัญชีธนาคารของเราได้ จากข่าวนี้เพื่อนๆ คงจะสงสัยว่า
 "มัลแวร์" คืออะไรกันนะ? ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ๆ เพราะ "มัลแวร์ (Malware)" ย่อมาจาก Malicious software ซึ่งหมายถึงโปรแกรมประสงค์ร้ายต่างๆ ซึ่งจะเห็นจากในข่าวว่า มัลแวร์ เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาให้ขโมยข้อมูลของผู้อื่น ถึงแม้ว่าข่าวนี้จะเป็นเรื่องของเครือข่าย Facebook ในต่างประเทศ แต่เพื่อนๆอย่าลืมนะคะว่าเครือข่าย Facbook สามารถเชื่อมต่อกันได้ทั้งโลก อีกทั้งในบ้านเราก็อาจจะมีกลุ่มคนเหล่านี้แฝงอยู่ เพราะฉะนั้นอย่านิ่งนอนใจไปนะคะ เวลาจะยอมรับคำร้องขอเป็นเพื่อนของใคร หรือจะเพิ่มใครเป็นเพื่อน ควรดูให้ดีก่อนนะคะว่า คนคนนั้นเป็นเพื่อนเราจริงหรือป่าว ถ้าไม่รู้จักก็อย่าไว้ใจดีกว่านะคะ
       หลายๆคนอาจสงสัยว่าเราสามารถดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านี้ได้ไหม และควรทำอย่างไรหากตกเป็นเหยื่อ แน่นอนว่าการกระทำของบุคคลกลุ่มนี้ เป็นการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 ซึ่งกล่าวไว้ว่า "การนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งปลอมหรือเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" หากเราถูกคุกคามหรือถูกล้วงข้อมูลทางเฟสบุ๊คควรกดรายงานบล๊อคของทางFacebook หรือ นำหลักฐานข้อมูลเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
       นี่เป็นเพียงแค่หนึ่งในภัยมืดจากโลกสังคมออนไลน์ เพื่อนๆทุกคนควรหมั่นติดตามข่าวในเรื่องของภัย Facebook ไว้นะคะ เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง หรืออาจเข้าร่วม Fan Page "รณรงค์เพื่อการเตือนภัยสังคมออนไลน์" และ "เพื่อเป็นการอัพเดตข่าวในเครือข่ายตลอดผ่านทาง Facebook ก็ได้ค่ะ



    
แหล่งที่มา :




วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

that my character is my destiny

                   ประวัติเบื้องต้น

         ตัวเรามีชื่อว่า "สุทธาสินี" ซึ่งแปลว่า หญิงสาวอันบริสุทธิ์ค่ะนามสกุล "สุขตลอด" ปู่ให้มา  ชื่อเล่นชื่อ "แน๊ต" 
ชื่อเล่นนี้พ่อเป็นคนตั้งให้ ในสมัยนั้นมีละครนางเอกชื่อนี้พ่อเลยเอามาตั้งเป็นชื่อเล่นให้ค่ะ เกิดวันศุกร์ที่ 13 มีนาคม
 พ.ศ. 2535 ตอนนี้อายุ 20 ปีบริบูรณ์แล้วค่ะ  
         มีน้องชาย 1 คน ชื่อว่านาย "สุทธิวัติ สุขตลอด" ชื่อเล่นชื่อ "น๊ต" ชื่อจริงและชื่อเล่นพ่อตั้งให้คล้องจองกับพี่
ตอนนี้น้องชายอายุ 18 ปี กำลังศึกษาอยู่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยค่ะ   

         ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 6 ตำบล ทองหลาง อำเภอ บ้านนา จังหวัด นครนายก
         จังหวัดนี้คำขวัญอันสวยหรูว่า "เมืองในฝัน อันใกล้กรุง ภูเขางามน้ำตกสวยรวยธรรมชาติปราศจากมลพิษ"
แวะเวียนไปเที่ยวกันได้ รับรองไม่ผิดหวังค่ะ


              ประวัติการศึกษา

           ตัวเรานั้นเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ที่โรงเรียน บ้านนา"นายกพิทยากร"ตลอดเวลาในการใช้ชีวิตเรียน
ในโรงเรียนนี้เป็นช่วงที่รู้สึกว่าตัวเองได้พัฒนาทักษะในหลายๆด้านรู้จักการใช้ชีวิตเรื่อยๆ เริ่มจากการเป็นน้องใหม่
ในโรงเรียนนี้จนกลายเป็นรุ่นพี่ที่เป็นแบบอย่างให้น้องๆ ได้จัดกิจกรรมทำให้รู้จักการทำงานร่วมกัน ที่สำคัญ
ครูอาจารย์ที่นี่น่ารักและหลายๆท่าน ก็เป็นแรงบันดาลใจ ให้ดิฉันอยากเป็นครูค่ะ จบการศึกษาที่นี่ด้วยเกรดเฉลี่ย
3.65 ค่ะ





       ต่อมาได้สอบตรงเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์ทั่วไป  (กศ.บ 5 ปี) 
สาเหตุที่เลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์นี้เพราะตัวเองรู้สึกชอบ วิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก เพราะด้วยพ่อเป็นครูสอนวิทยาศาสตร์
ทำให้รู้สึกมีความสนใจทางด้านนี้ค่ะ โดยเฉพาะในเรื่องของดาราศาสตร์รู้สึกสนใจมากเป็นพิเศษค่ะ แต่โดยรวมแล้วไม่ได้มี
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มากเลยค่ะ  เพราะเป็นคนที่สนใจแต่ไม่ค้นคว้าค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 ค่ะ ภูมิใจมากๆที่ได้มาเรียนที่นี่
 และที่สำคัญรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้มาเจอเพื่อนๆที่น่ารัก และครูอาจารย์ที่เป็นกันเอง รู้สึกอบอุ่นมากๆค่ะ จบจากที่นี่อยากเป็น
ครูวิทยาศาสตร์ที่ดีและเก่งเหมือนอาจารย์หลายๆท่านค่ะ


                         ประวัติเบื้องลึก


       คติประจำใจ "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" ที่ถือคตินี้เพราะเป็นคำพูดของคนดัง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่  "กล่าวว่าจินตนาการ
เป็นเชาว์ปัญญาขั้นสูงสุดที่ทำให้ค้นพบสิ่งใหม่ๆจากการเรียนรู้" ในความหมายของเราคือ ที่เราเรียนมาไม่สำคัญที่ความรู้และทฤษฎี
แต่สำคัญที่การคิดต่อยอดให้แปลกใหม่ตั้งหากค่ะ
       นิสัยส่วนตัว  เวลาอารมณ์ดีก็ สนุก ร่าเริง ชอบแกล้งเพื่อนให้เฮฮา 
                      เวลาอารมรมณ์เสีย  ก็ฉุนเฉียว    พูดประชดประชัน หงุดหงิดกับทุกเรื่อง 
                      เวลาเศร้า เก็บตัวอยู่คนเดียว หาเพลงเศร้าๆฟัง
       ปมด้อย  แพ้อาหารประเภทกุ้ง     เป็นคนคิดคำนวณช้ามาก บวก ลบ คูณ หาร โดนโกงตังประจำค่ะ        
       อาหารที่ชอบ    ซูชิ  ปลาหมึกผัดผงกระหรี่  ส้มตำไข่เค็ม 
      ความสามารถพิเศษ  เล่นมุขได้แป้กที่สุด (บางครั้งนะ)

        เวลาว่าง เป็นคนที่ชอบดูการ์ตูนมากที่สุด นอกจากนี้ชอบเล่นเกมส์  ฟังเพลงช้าๆดนตรีเพราะๆ ชอบนั่งดูดาวมากๆค่ะ
        วิชาเรียนที่ชอบ  ดาราศาสตร์ เพราะเป็นวิชาที่ลึกลับน่าค้นหาดีค่ะ
        กีฬาที่ชอบเล่น    แบดมินตัน แต่เล่นตามกติกาไม่เป็นนะคะ

                        
                    ข้อมูลติดต่อ


         อีเมลล์  
natty_mysci@hotmail.com    
         เฟสบุ๊ค http://www.facebook.com/nattymysci