ถ้ามองย้อนไปในอดีต ทุกๆคนคงรู้ดีนะคะว่ามนุษย์นั้นมีความกระหายอยากรู้ ในเรื่อง"ความลับของจักรวาลมาเนิ่นนานแล้ว หลายๆคนอาจตั้งคำถามว่า"มีเพียงโลกเราใบเดียวเท่านั้นหรือที่มีสิ่งมีชีวิต" ซึ่งปัจจุบันปริศนานี้ก็ยังรอคำตอบอยู่ ยังคงเป็นเพียงการคาดเดาหรือจินตนาการของใครๆหลายคน แต่ความกระหายอยากรู้ของมนุษย์ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหยุดได้ง่าย ทำให้หลายทศวรรษที่ผ่านมาเกิดการพัฒนาเทคโนโลยี และนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเครื่องมือในการศึกษาเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างดาว ไม่ว่าจะเป็นการผลิตกล้องดูดาวที่มีประสิทธิภาพสูง การส่งยานอวกาศไปสำรวจดาวเคราะห์เพื่อนบ้าน การแกะหาร่องรอยสิ่งมีชีวิตนอกโลกจากเศษหินอุกกาบาต แต่ทั้งหมดนี้ก็ดูเหมือนยังไม่เพียงพอ ต่อการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกได้ ทำให้ไม่นานมานี้มีการรวมตัวของหลายๆประเทศก่อตั้งโครงการโครงการหนึ่งขึ้นที่ทำให้หลายๆคนถึงกับช๊อค!!! นั่นก็คือ "โครงการเซติ(SETI)" เป็นคำที่ย่อมาจาก “Search for Extraterrestrial Intelligence” หรือ “การค้นหาสิ่งมีชีวิตทรงปัญญานอกโลก” ซึ่งโดยทั่วไปมักจะเรียกกันว่า “การค้นหาสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาว” นั่นเองค่ะ โครงการนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการส่งและรับคลื่นสัญญาณที่มีความถี่ที่สูงมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อค้นหาสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือพูดง่ายๆคือดักจับสัญญาณสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาวนั่นเอง และยิ่งไปกว่านั้นตัวแทนของโครงการเซติยังออกมากล่าวอีกว่า "มวลมนุษยชาติจะสามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวแน่ๆ ถ้ามันมีอยู่จริง ภายใน 25 ปี นี้" ช่างเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริงๆใช่ไหมล่ะคะ คราวนี้เราลองไปเจาะลึกแต่ละโครงการย่อยของเซติกันดีกว่าว่ามีเทคโนโลยีอะไรน่าสนใจบ้าง
โครงการย่อยที่น่าสนใจของเซติประกอบไปด้วย 3 โครงการ คือ (1) โครงการฟีนิกซ์ (Project Phoenix)
(2) ระบบกล้องโทรทรรศน์อัลเลน (Allen Telescope Array) และ (3) เซติแสง (Optical SETI)
(1) โครงการฟีนิกซ์ เป็นโครงการค้นหาสัญญาณสิ่งมีชีวิตทรงปัญญานอกโลกที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันและขึ้นชื่อด้านความเร็ว โดยอาศัยกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่ที่สุดของโลก คือที่หอดูดาวอะรีซิโบ (Arecibo) ในเปอร์โตริโก (Puerto Rico) และกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่ของโลกที่อื่นๆ อีกทั้งในซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้
(2) ระบบกล้องโทรทรรศน์อัลเลน เป็นโครงการใหม่ของสถาบันเซติกับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่เบิร์กลีย์ ซึ่งร่วมกันจัดสร้างระบบกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดใหญ่ ประกอบด้วยจานรับสัญญาณวิทยุขนาด ๖.๑ เมตร จำนวนประมาณ ๓๕๐ จาน เพื่อใช้สำหรับงานการค้นหาสัญญาณจากมนุษย์ต่างดาวและงานการวิจัยดาราศาสตร์ระดับแนวหน้า (ระดับที่ยังไม่เคยทำกันได้มาก่อน) ตำแหน่งที่ตั้งของระบบกล้องโทรทรรศน์อัลเลน คือ หอดูดาวแฮตครีก (Hat Creek Observatory) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเขาแลสเซน (Mt. Lassen) ในแคลิฟอร์เนีย เมื่อระบบกล้องโทรทรรศน์อัลเลนทำงานเต็มที่ มันจะช่วยให้โครงการฟีนิกซ์สามารถศึกษาสัญญาณจากดาวฤกษ์เพิ่มขึ้นเป็น ๑ แสน หรือ ๑ ล้านดวง และรับสัญญาณจากนอกโลกได้เต็มที่ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
(3) เซติแสง เป็นโครงการค้นหาสัญญาณจากต่างดาวที่เป็นคลื่นแสง ซึ่งนับเป็นความคิดค่อนข้างใหม่สำหรับเรื่องการค้นหาสัญญาณจากต่างดาว เพราะแต่เดิมมา สัญญาณจากต่างดาวที่ค้นหากันล้วนเป็นสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงที่ไม่ใช่แสงสว่าง เนื่องจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เป็นแสงสว่างจะเดินทางไปได้ไม่ไกลเท่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจำพวกคลื่นวิทยุหรือไมโครเวฟ เพราะแสงสว่างจะถูกปิดกั้นหรือดูดกลืนได้ง่ายโดยก๊าซและฝุ่นผงที่ห่อหุ้มดวงดาวที่มีบรรยากาศไว้ และที่มีอยู่ในอวกาศ ทว่า จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในการตรวจจับสัญญาณจากอวกาศ และจากแนวคิดที่ว่ามนุษย์ต่างดาวอาจส่งสัญญาณสู่อวกาศในรูปของคลื่นแสงก็ได้ โครงการเซติแสงจึงเกิดขึ้น และถึงขณะนี้โครงการเซติแสงของสถาบันเซติซึ่งกำลังเดินหน้าอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย
ที่มา:http://www.thaicosmic.com/article.php?id=40125&lang=th
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=06-2011&date=14&group=66&gblog=222
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น